วิธีการนับแต้ม บาคาร่าออนไลน์ แนวใหม่
บาคาร่าออนไลน์ (Baccarat) เป็นหนึ่งในการเดิมพันเกมไพ่ที่มีความเก่าแก่มากที่สุดเกมหนึ่งเลยก็ว่าได้ แถมยังเป็นเกมเดิมพันไพ่ที่นิยมในวงการคาสิโนเป็นอย่างมาก หรือแม้กระทั่งคาสิโนการเดิมพันเกมไพ่บาคาร่า ออนไลน์นักเดิมพันส่วนใหญ่ก็ฮิตที่จะเดิมพันเกมบาคาร่ากันเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเดิมพันเกมบาคาร่าแตกต่างกับการเดิมพันไพ่ป๊อกเด้งก็คือ นักเดิมพันสามารถเลือกได้ว่าจะเดิมพันไพ่ฝั่งเจ้ามือ (Banker) หรือว่าไพ่ฝั่งผู้เล่น (Player) ซึ่งเมื่อนักเดิมพันได้ทำการลงเดิมพันเองก็จะทำให้นักเดิมพันมั่นใจว่าโอกาสที่เจ้ามือจะโกงด้วยการทำไพ่ของเจ้ามือก็หมดไปอีกด้วย โดยการเริ่มเกมเดิมพันจะมีดีลเลอร์แจกไพ่บาคาราสลับกันไปทั้งฝั่งสีน้ำเงิน (Player) และฝั่งสีแดง (Banker) โดยใช้ไพ่ 2 หรือ 3 ใบเป็นตัวตัดสินผลแพ้ชนะคล้ายป๊อกเด้ง แต่จะมีกฎกติการในการเรียกไพ่ใบที่ 3 แตกต่างออกไป โดยเว็บ NAZA666 รับเดิมพันเริ่มต้นเดิมพันขั้นต่ำที่ 20 บาท และมีข้อดีคือเว็บเรา ฝาก-ถอน ไม่มีขั้นต่ำ อีกทั้งยังทำรายการฝาก – ถอน ใน 20 วินาที ทำให้นักเดิมพันหมดกังวลในเรื่องการฝาก ถอน โอน เมื่อมาเดิมพันกับเว็บ NAZA666
วิธีการนับแต้มในการเดิมพันเกมไพ่ บาคาร่าออนไลน์
วิธีการเดิมพันเกมไพ่บาคาร่า ออนไลน์พร้อมการนับแต้มของการเดิมพันเกมไพ่บาคาร่า ออนไลน์เป็นสิ่งที่นักเดิมพันควรใส่ใจเป็นอย่างมาก ซึ่งหากนักเดิมพันต้องการที่จะสร้างรายได้อย่างมั่นคงก็ควรที่จะใส่ใจวิธีเล่นบาคาร่าแบบจริงจังดังนี้
แบบที่ 1 : นักเดิมพันควรเรียนรู้วิธีการนับแต้ม บาคาร่าออนไลน์
วิธีนับแต้มบาคาร่า คือ การนำผลรวมของไพ่ทุกใบในมือของนักเดิมพันเอาตัวเลขตัวสุดท้ายมาเป็นแต้มเท่านั้น อาทิเช่น
- นักเดิมพันถือไพ่ 7 กับ 9 ก็จะมีแต้ม 6 (7+9=16)
- ถ้าหากนักเดิมพันรวมผลแล้วได้ 10 ตัวสุดท้ายคือ 0
- ดังนั้นแต้มที่จะได้ก็คือ แต้มบอด หรือ 0 คะแนนนั่นเอง (การนับเหมือนการเดิมพันไพ่ป๊อกแปด ป๊อกเก้า ของไทยนั่นเอง)
แบบที่ 2 : การนับแต้มของไพ่ในการเดิมพัน บาคาร่าออนไลน์
- A มีแต้มเท่ากับ 1 แต้ม
- 2 – 9 มีแต้มเท่ากับจำนวนเลขบนหน้าไพ่
- 10 มีแต้มเท่ากับ 0 แต้ม
- J มีแต้มเท่ากับ 0 แต้ม
- Q มีแต้มเท่ากับ 0 แต้ม
- K มีแต้มเท่ากับ 0 แต้ม
แบบที่ 3 : การเดิมพัน บาคาร่าออนไลน์ แบบแพ้ – ชนะ
เป็นวิธีการแจกไพ่ 2 ใบ โดยจะหงายหน้าไพ่ขึ้นให้ทั้งสองฝ่าย ถ้าฝ่ายหนึ่งมี 8 หรือ 9 แต้ม ก็จะเป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าหากทั้งสองฝ่ายได้แต้ม 8 หรือ 9 แต้มเหมือนกัน ฝ่ายที่มีแต้มมากกว่าจะเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายได้ไพ่เสมอเท่ากัน รอบนั้นก็จะเสมอกัน โดยถ้าทั้งผู้เล่นและเจ้ามือไม่ได้ไพ่ 8 หรือ 9 แต้ม ก็ให้ฝ่ายผู้เล่นเรียกไพ่บาคาร่าก่อน เพราะเมื่อฝ่ายผู้เล่นมีไพ่อยู่ที่แต้ม 6 หรือ 7 แต้ม ถ้าแต้มน้อยกว่า 6 ก็ให้ผู้เล่นจั่วไพ่อีก 1 ใบ แล้วคิดแต้มใหม่จากไพ่บาคาร่าของทั้งสามใบนั้น ซึ่งนักเดิมพันจะมีวิธีเล่นบาคาร่าได้ 2 รูปแบบ ดังนี้
- รูปแบบที่ 1 : การเลือกอยู่ฝ่ายผู้เล่น
โดยเมื่อรวมแต้มไพ่ 2 ใบแรกได้แต้มรวมดังนี้ ให้นักเดิมพันทำตามกติกาในการเดิมพันบาคาร่า ดังนี้
- ถ้าหากนักเดิมพันได้ 0, 1, 2, 3, 4 หรือ 5 แต้มให้เรียกไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ
- ถ้าหากนักเดิมพันได้ไพ่ 6 หรือ 7 แต้มให้อยู่ (ไม่ต้องเรียกไพ่เพิ่ม)
- ถ้าหากนักเดิมพันได้ไพ่ 8 หรือ 9 แต้มให้อยู่ ซึ่งฝ่ายเจ้ามือจะอยู่เมื่อได้ไพ่รวม 6 หรือ 7 แต้ม ถ้าเจ้ามือเดิมพันแบบตรงไปตรงมานั่นเอง
- รูปแบบที่ 2 : การเลือกอยู่ฝ่ายเจ้ามือ
โดยเมื่อไพ่ 2 ใบแรกของผู้เล่นมีแต้มรวมดังนี้ ให้ผู้เล่นทำตามกติกาในการเดิมพันบาคาร่า ดังนี้
- ถ้าหากนักเดิมพันได้ 0, 1, 2, 3, 4 หรือ 5 แต้ม ให้เรียกไพ่เพิ่มอีก 1 ใบ
- ถ้าหากนักเดิมพันได้ 6 หรือ 7 แต้มให้อยู่
- ถ้าหากนักเดิมพันได้ 8 หรือ 9 แต้มให้อยู่
- รูปแบบที่ 3 หากมีการเรียกไพ่เพิ่มให้ดูกติการดังนี้
- ฝ่ายที่มีแต้มมากที่สุดหรือใกล้เลข 9 แต้มที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
- นักเดิมพันที่วางเดิมพันฝ่ายผู้เล่นจะได้เงิน 1 ต่อ 1 อาทิเช่น เดิมพัน 100 บาท ได้ 100 บาท
- นักเดิมพันที่วางเดิมพันฝ่ายเจ้ามือจะได้เงิน 1 ต่อ 1 แต่ถูกหัก 5% ซึ่งเป็นค่าน้ำหรือค่าโต๊ะ อาทิเช่น เดิมพัน 100 ได้ 95 บาท ถูกหัก 5 บาท
- นักเดิมพันที่วางเดิมพันฝ่ายเสมอ ได้เงิน 1 ต่อ 8
- นักเดิมพันที่วางเดิมพันฝ่ายผู้เล่นออกคู่ ได้เงิน 1 ต่อ 11
- นักเดิมพันที่วางเดิมพันฝ่ายเจ้ามือออกคู่ ได้เงิน 1 ต่อ 11
- ถ้าเกิดนักเดิมพันเลือกเดิมพันเสมอกัน การเดิมพันทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายเจ้ามือหรือฝ่ายผู้เล่นให้ถอนทุนออกไปได้ไม่มีฝ่ายใดได้หรือเสียในรอบนี้
อัตราการจ่ายเงินในการเดิมพัน บาคาร่าออนไลน์
รูปแบบที่ 1 : มังกรจับคู่
การเดิมพันประเภทนี้คือ การเดิมพันบาคาร่า ออนไลน์ที่ครอบคลุมการเดิมพันทั้งหมดทั้ง 13 รูปแบบ หรืออย่างน้อย 1 รูปแบบ โดยอัตราการจ่ายเงินจะขึ้นอยู่กับจำนวนแต้มของไพ่บาคาร่าในมือ ซึ่งไพ่ทั้งหมดจะถูกนับแต้มและมีอัตราการจ่ายดังนี้
- ถ้าในมือผู้เล่นคือ Q – 2 – 2
- ในมือเจ้ามือคือ K – Q – 2
- นักเดิมพันเลือกเดิมพันเป็น 2 ยอด
- จ่าย 20 : 1 สำหรับแต้ม 2
- จ่าย 3 : 1 สำหรับไพ่ Qs
- จ่าย 1 : 1 สำหรับไพ่ K
- ที่เหลือคือแพ้
รูปแบบที่ 2 : Player Pair (เจ้ามือไพ่คู่)
ช่องเจ้ามือไพ่คู่จะมีอัตราการจ่าย 1 : 11 ในกรณีที่นักเดิมพันทายช่อง Playerpair (นักเดิมพันไพ่คู่) 100 บาท ทายผลถูกนักเดิมพันจะได้รับเงินรางวัล 1,100 บาท
รูปแบบที่ 3 : Banker (ช่องเจ้ามือ)
ช่องเจ้ามือมีอัตราการจ่ายที่ 1 : 0.95 ในกรณีที่นักเดิมพันทายช่อง Banker (เจ้ามือ) 100 บาท ทายผลถูกนักเดิมพันจะได้รับเงินรางวัล 95 บาท
รูปแบบที่ 4 : Banker Pair (นักเดิมพันไพ่คู่)
ช่องเจ้ามือไพ่คู่จะมีอัตราการจ่าย 1 : 11 ในกรณีที่นักเดิมพันทายช่อง Bankerpair (เจ้ามือไพ่คู่) 100 บาท ทายผลถูกนักเดิมพันจะได้รับเงินรางวัล 1,100 บาท
รูปแบบที่ 5 : Tie (เสมอ)
ช่องเสมอจะอยู่ระหว่างกลาง Player และ Banker โดยลักษณะที่ช่องจะเป็นสีเขียวสังเกตได้จากกลางโต๊ะบาคาร่า ซึ่งช่องเสมอจะมีอัตราการจ่ายที่ 1 : 8 ในกรณีที่นักเดิมพันทายช่อง Tie (เสมอ) 100 บาท ทายผลถูกนักเดิมพันจะได้รับเงินรางวัล 800 บาท
รูปแบบที่ 6 : Big (สูง) หรือ (ใหญ่)
ช่อง Big คือ “การทายไพ่แต้มสูง” โดยไพ่แต้มสูงนั้นจะมีแต้มอยู่ที่ 5 – 9 แต้ม ซึ่งลักษณะช่องสีน้ำตาลอยู่บนช่องนักเดิมพันและมีอัตราจ่าย 1 : 0.5 ในกรณีนักเดิมพันทายช่อง Big (สูง) 100 บาท ทายผลถูกนักเดิมพันจะได้รับเงินรางวัล 50 บาท
ดังนั้นนักเดิมพันควรหมั่นศึกษารูปแบบอัตราการจ่ายเงินบาคาร่า ออนไลน์และอัตราการนับแต้มบาคาร่า ออนไลน์ไว้ให้มากๆ เพราะนี้สามารถนำมาเป็นแนวทางในการเดิมพันและสร้างผลกำไรตอบแทนให้กับนักเดิมพันในอนาคตอย่างแน่นอน
สมัครเป็นสมาชิก เพียงขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
- เข้าไป สมัคร ได้ที่หน้าเว็บไซต์ของเรา
- จากนั้นให้ท่าน กดที่คำว่า สมัครสมาชิก ได้เลยทันที
- กรอกข้อมูล ตามแบบฟอร์มที่เรามีให้ อย่างครบถ้วน
- รอ call center ทำรายการไม่เกิน 1 นาที ท่านจะได้รับ user ทันที
เพียงขั้นตอนง่ายๆ แค่นี้ ก็ถือว่าท่าน สมัครสมาชิก เสร็จเรียบร้อยแล้ว และไม่ว่าจะ ฝาก ถอน หรือมีปัญหาใดๆ ท่านสามารถแจ้ง call center ได้ตลอด 24 ชั่วโมง